📢 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 03.05 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ได้เกิดการปะทุของ Solar Flare ขนาด M2.7 จากบริเวณ Active Region (AR) 4199 ใกล้กับศูนย์กลางดวงอาทิตย์ การปะทุครั้งนี้ไม่เพียงปลดปล่อยพลังงานรังสีในช่วงคลื่นต่าง ๆ ออกมาเท่านั้น แต่ยังเกิดการปลดปล่อยสสารร้อน (พลาสมา) ตามรูปที่ 1 และสนามแม่เหล็กออกจากดวงอาทิตย์ในรูปแบบของ Coronal Mass Ejection (CME) ซึ่งมีลักษณะเป็น Full Halo CME พุ่งตรงมายังโลก ตามรูปที่ 2 และผลการวิเคราะห์ด้วยระบบพยากรณ์สภาพอวกาศ (JASPER) ของ GISTDA ตามรูปที่ 3
🔴พายุสนามแม่เหล็กโลก (Geomagnetic Storm): เมื่ออนุภาคพลังงานจากดวงอาทิตย์ปะทะกับสนามแม่เหล็กโลก จะเกิดพายุแม่เหล็กในระดับ G1–G3 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบเทคโนโลยีต่างๆ
🟢แสงเหนือ–แสงใต้ (Aurora): ปรากฏการณ์นี้จะรุนแรงขึ้นและสามารถเห็นได้ในบริเวณขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สนามแม่เหล็กโลกเปิดรับอนุภาคพลังงานโดยตรง
📌สำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในประเทศไทย 🇹🇭 กล่าวคือ ประเทศไทยอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรและมีสนามแม่เหล็กโลกที่แข็งแกร่งคอยปกป้อง ทำให้ผลกระทบจากพายุสุริยะที่คาดการณ์ไว้ในครั้งนี้ค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสิ่งเหล่านี้:
🔹การรบกวนสัญญาณ GPS: อาจเกิดการรบกวนสัญญาณนำทาง ทำให้ค่าความแม่นยำลดลงเป็นช่วงๆ
🔸การสื่อสาร: อาจมีผลกระทบต่อระบบสื่อสารบางส่วน โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านคลื่นวิทยุในบางความถี่
👨🚀ทั้งนี้ GISTDA ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
รูปที่ 1 Solar Flare Active region (AR) 4199
รูปที่ 2 ก) ก่อนปลดปล่อย CME เวลา 03.00 ข) การปล่อย CEM เวลา 04.36 ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ตามเวลาในประเทศไทย
หมายเหตุ : ข้อมูลจาก The Large Angle and Spectrometric Coronagraph Experiment (LASCO)
รูปที่ 3 CME detection ด้วยระบบพยากรณ์สภาพอวกาศ (JASPER) ด้วยเทคนิค AI
ฉันสนใจในเรื่อง