สัญชาตญาณกับลางบอกเหตุ…จับสัญญาณภัยพิบัติจากธรรมชาติ…สู่การจับตาจากห้วงอวกาศ

ภูมิปัญญาการเตือนภัยในแต่ละท้องถิ่น มักมาจากความช่างสังเกต ช่างจด ช่างจำ และเล่าขานต่อ ๆ กันมาจนกลายเป็นความเชื่อโบราณที่ยังไม่มีการเชื่อมโยงกับหลักทางวิทยาศาสตร์ หากหลายต่อหลายครั้งการสืบต่อความเชื่อเป็นทอด ๆ นั้น กลับสามารถช่วยเป็นเกราะกำบัง ช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างดี จนทำให้เหล่านักวิทยาศาสตร์พากันร่วมไขปริศนาเหล่านั้น ทำให้สัญชาตญาณเหล่านั้นได้รับการถ่ายทอดและปูพื้นฐานความรู้ผสมผสานวิทยาศาสตร์หลายแขนงเข้าด้วยกัน ทั้งด้านภูมิศาสตร์ สิ่งแวดล้อม การเรียนรู้พฤติกรรมของสัตว์ เป็นต้น

 ดั่งที่ชาวยุคเบบี้บูมหรือชาวเจนเอ็กซ์จะคุ้นเคยกับคำเตือนโบร่ำโบราณที่เล่าขานต่อกันมาว่ายามใดที่เห็นมดขนไข่ ไม่นานนักฝนจะตกหนักฟ้าจะคะนองแรง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดทางธรรมชาตินี้ล้วนอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ นั่นคือ มด เป็นสัตว์ที่มีโสตประสาทในการรับความรู้สึกได้ดีกว่ามนุษย์ มันสามารถใช้หนวดประหนึ่งเครื่องตรวจวัดความชื้นในอากาศได้อย่างดี

หรืออีกหนึ่งในโศกนาฏกรรมที่หลายท่านคงยากจะลืมเลือนเสมือนฝันร้ายครั้งใหญ่ กับเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อ 26 ธันวาคม 2547  ในช่วงสถานการณ์คับขันโหดร้ายรุนแรงอาจทำให้ผู้คนมองข้ามสัญญาณจากธรรมชาติ พยายามเตือนล่วงหน้าต้องศิโรราบมอบชีวิตให้กับพลังทำลายล้างที่มีแรงมหาศาลเหลือคณานับ หากในวิกฤตนั้นได้ปรากฎสาวน้อยชาวอังกฤษวัย 10 ขวบที่น่าทึ่งนาม ทิลลี สมิธ ที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอันตรายจากน้ำทะเลที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณจากธรรมชาติที่จะเกิดคลื่นยักษ์ในวิชาภูมิศาสตร์ของโรงเรียน สาวน้อยจึงรีบเตือนพ่อแม่และผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงทันที ทำให้สามารถช่วยเหลือผู้คนให้สามารถไปอยู่ในที่สูงที่ปลอดภัยได้ทันกว่าร้อยชีวิต

จากหลาย ๆ สัญชาตญาณหรือการช่างสังเกตนี้เอง ที่ทำให้เหล่านักวิทยาศาสตร์หลายสาขาได้พยายามศึกษา ค้นคว้า และรวบรวมปรากฎการณ์หรือสัญญาณที่ผิดปกติ อันจะเป็นลางบอกเหตุหรือเตือนภัยธรรมชาติล่วงหน้าและเชื่อมโยงกับองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อจับสัญญาณความผิดปกติโดยเฉพาะด้านภัยพิบัติรูปแบบต่าง ๆ

 

GISTDA จึงได้รวบรวมสัญญาณต่าง ๆ และอยากชักชวนพี่ ๆ น้อง ๆ มาลองทำความเข้าใจแล้วลองหาความสัมพันธ์ หรือลองเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีดาวเทียมไปด้วยกันครับ

1. ท้องฟ้าเป็นสีเขียวครึ้ม 

หากเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเขียว นั่นแสดงว่าพื้นที่นั้นจะเกิดพายุฝนที่มีลูกเห็บขนาดใหญ่ ฟ้าคะนองลงกรรโชกรุนแรง จนอาจถึงระดับที่เกิดพายุทอร์นาโดได้ ดังนั้นควรหาที่หลบทันที!

2. ผมชี้ตั้งชัน 

หากเกิดพายุฝนฟ้าคะนองในพื้นที่ อันตรายจากฟ้าผ่ายังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนยังมีความหวาดกลัวและหวาดระแวง

การก่อเกิดของฟ้าผ่าจะมีขึ้นหลังจากที่ประจุไฟฟ้าจำนวนหนึ่ง ก่อตัวระหว่างก้อนเมฆและท้องฟ้า จนบางครั้งสามารถทำให้รู้สึกถึงพลังการสะสมได้ จนบางคนเส้นผมและขนตามร่างกายตั้งชัน บางครั้งมีความรู้สึกแสบคันตามร่างกาย จนถึงการได้ยินเสียงรบกวนเบา ๆ ตามเครื่องประดับโลหะในร่างกาย

หากรู้สึกถึงอาการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กล่าวข้างต้น ให้รีบหาที่กำบังที่ไม่ใช่การหลบใต้ต้นไม้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือหากไม่มีที่สามารถใช้หลบกำบังเลยก็ให้รีบหมอบต่ำ เอามือปิดหู และสัมผัสพื้นให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ให้ทิ้งเครื่องมือหรือเครื่องประดับโลหะในตัวหรือใกล้ตัว รอจนสัญญาณตามร่างกายเริ่มบรรเทาแล้วค่อยรีบออกจากสถานที่นั้นในทันที!

3. ลมกรรโชกแรง ฝนตกหนัก และความแปรปรวนบ้าคลั่งของทะเล 

สัญญาณเตือนล่วงหน้าการเกิดพายุขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดอย่างเฮอริเคน ไซโคลน ไต้ฝุ่น ทุกที่ทั่วโลกจะมีสัญญาณที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือความกดอากาศลดลงอย่างกะทันหัน การเปลี่ยนแปลงทิศทางและความเร็วลมอย่างกะทันหัน ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง คลื่นลมทะเลแปรปรวน รวมทั้งพฤติกรรมที่ผิดปกติของเหล่าสรรพสัตว์ท้องถิ่นต่างๆ นก แมลง หรือแม้แต่ปลาจะพากันตื่นตระหนกและทิ้งที่อยู่อาศัยกันอลหม่าน

หากเห็นสัญญาณเหล่านี้ ให้จะเตรียมพร้อมและปฏิบัติตามการแจ้งเตือนของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด

4. การอพยพของสัตว์จำนวนมาก 

การเคลื่อนย้ายอพยพของสัตว์จำนวนมากอย่างกะทันหัน มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์แปลกประหลาดและภัยพิบัติทางธรรมชาติทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะก่อนเกิดแผ่นดินไหว เหล่าสรรพสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก แม้กระทั่งแมลงต่างพากันหนีด้วยความอย่างตื่นตระหนก อันเป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้มอบให้มีอวัยวะที่สามารถรับสัมผัสพิเศษได้อย่างละเอียดจนสามารถมีสัญชาตญาณและสั่งการจนเกิดพฤติกรรมการเอาชีวิตรอดได้ดี

หากได้เห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับการอพยพของสัตว์จำนวนมากจนผิดปกติ เกิดขึ้นนอกฤดูกาล หรือผิดจากพฤติกรรมตามปกติ จงตั้งสติให้ดี ให้สมมติสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น และวางแผนดำเนินการที่เหมาะสมในแต่ละเหตุการณ์และสถานที่โดยเร็ว

5. ฝูงสัตว์ล้มตายจำนวนมาก 

การล้มตายของสัตว์ต่าง ๆ อย่างกะทันหัน โดยเฉพาะบนพื้น บริเวณใกล้แหล่งน้ำ หรือปลาตายในน้ำจำนวนมาก ล้วนบ่งบอกถึงสัญญาณอันตรายที่อาจเกิดจากการรั่วไหลหรือปนเปื้อนของสารเคมี ชีวภาพ กัมมันตภาพรังสี แบคทีเรียที่เป็นอันตรายหลายชนิดสามารถพบได้ในน้ำจืดและน้ำเค็ม หรืออย่างอื่น จงอยู่ให้ห่างทั้งแหล่งน้ำ ซากสัตว์ หรือแม้แต่อย่านำน้ำหรือซากเหล่านั้นมาบริโภคเด็ดขาด! เพราะสารเคมีที่เป็นอันตรายส่วนใหญ่จะระเหยอย่างรวดเร็ว และบางชนิดยังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นไอระเหยที่เป็นพิษ การเกิดฟอง และการเปลี่ยนสี เป็นต้น

หรือปรากฎการณ์นี้ก็อาจเป็นไปได้ที่จะเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเลหรือใต้น้ำ แล้วปล่อยก๊าซใต้ดินจนดึงออกซิเจนออกจากน้ำ จนทำให้น้ำมีสภาพเป็นกรดอย่างรุนแรงทำให้ปลาและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในน้ำตาย ดังที่เคยปรากฏในฉากภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับภูเขาไฟระเบิด เช่น Dante's Peak ที่ฉายเมื่อปี พ.ศ. 2540 เป็นต้น

6. กระแสน้ำที่ลดลงอย่างรวดเร็ว 

น้ำในมหาสมุทรลดลงมากอย่างรวดเร็วและกะทันหัน เป็นสัญญาณว่ากำลังเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ซึ่งสึนามินี้อาจจะยากต่อการสังเกตุหรือเฝ้าระวังจากระบบติดตามแผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นบนพื้นมหาสมุทร แต่สัญญาณที่บ่งชี้ชัดที่สุดคือการลดระดับของน้ำอย่างมหาศาลและรวดเร็ว ก่อนจะเห็นคลื่นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงดังคำรามมาแต่ไกล

หากคุณเห็นปรากฎการณ์นี้จงอย่าเสียเวลาแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ให้เร่งรีบอพยพขึ้นสู่ที่สูงแม้ว่าจะยังไม่มีการเตือนภัยสึนามิก็ตาม อย่ามัวรอคำเตือนอย่างเป็นทางการ การโทร การเตือน หรือเสียงไซเรน เพราะนั่นหมายถึงชีวิต!

7. ลักษณะและรูปแบบของคลื่นตัดไขว้กัน 

หลายท่านคงอาจจะคิดว่าเป็นไปได้หรือ? ที่เราจะพบเจอระลอกเกลียวคลื่นซัดตัดกันเป็นมุมฉากแถวชายฝั่ง!

อาจจะยากที่เราจะได้ประสบพบเจอ แต่ถ้าพบปรากฎการณ์ที่คลื่นตัดกันจนคล้ายแนวสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดเมื่อไหร่…ขอให้มีสติและรีบอยู่ให้พ้นน้ำ!

เพราะนั่นคือ…..สัญญาณที่ธรรมชาติกำลังบอกเราทางกายภาพว่ามีกระแสน้ำที่รุนแรงและรุนแรงที่จะกระชากเราออกทะเล

ปรากฎการณ์นี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของลม ที่พัดรุนแรงจนทำให้มวลของน้ำเคลื่อนที่จนเกิดคลื่นในแนวตั้งฉากกับคลื่น ของมวลน้ำอีกส่วนหนึ่งในบริเวณใกล้ชายฝั่ง จนทำให้เกิดกระแสน้ำที่มีพลังความแรงถึงขั้นที่สามารถทำลายเรือได้…ขนาดเรือยังไม่สามารถต้านทานได้แล้วร่างกายมนุษย์เราล่ะ...จงอย่าได้ดูแคลนพลังทำลายล้างนี้…จงลี้หนีให้ห่างจะปลอดภัยที่สุด!

8. กลิ่นไหม้และกระแสลมร้อน 

ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยของการสื่อสารที่รวดเร็วฉับไวสมเป็นยุคแห่งเทคโนโลยี ระบบการเตือนภัยล่วงหน้ามักจะเป็นที่พึ่งพาข้อมูล การแจ้งเตือน และการแนะนำวิธีปฏิบัติตัว

แต่สัญชาตญาณอันเป็นระบบเตือนภัยพื้นฐาน ที่ติดตัวมนุษย์มาแต่กำเนิดก็ยังคงสามารถเป็นที่พึ่งในการรักษาชีวิตรอด จากสถานการณ์ฉุกเฉินจากธรรมชาติต่าง ๆ ได้อย่างดี ขอเพียงแค่ทุกท่านไม่ประมาทและมีสติอยู่เสมอ

ดังเมื่อยามใดที่ได้กลิ่นไหม้ ในระดับรุนแรงที่มาตามสายลม สัมผัสความร้อนที่มาตามสายลม ให้คุณมองหาหมอกควัน ฝุ่นละอองหรือขี้เถ้าที่อาจมีลอยมาตามกระแสลม รวมทั้งสังเกตการอพยพดิ้นรนหนีหาที่หลบภัยของสัตว์น้อยใหญ่ นั่นหมายถึงสัญญาณของการเกิดไฟไหม้หรือไฟป่าที่อยู่ไม่ไกลจากตัวท่าน จงตระหนักเสมอว่าไฟสามารถเผาผลาญพื้นที่และลุกลามได้อย่างรวดเร็ว หากพบว่าอยู่ในทิศทางลมให้เร่งอพยพและหาสถานที่ปลอดภัยทันที!

9. ต้นไม้ที่คดเคี้ยวและโค้งมน 

กลุ่มต้นไม้ที่บริเวณโคนมีลักษณะโค้งมนจนคล้ายกับเครื่องหมายอัญประกาศเดี่ยว ต้นไม้ที่เติบโตมีรูปทรงเช่นนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการเคลื่อนตัวของดินที่เกิดจากแผ่นดินถล่มในบริเวณนั้น ๆ

นั่นชี้ให้เห็นว่าในพื้นที่นั้น ๆ เคยเกิดดินถล่มมาก่อน และอาจยังคงเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดดินถล่ม ที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมใด ๆ ที่อาจทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเพิ่มความอ่อนไหวและเปราะปรางจนอาจเกิดเหตุซ้ำ!

10. เสียงคำราม แผ่นดินสั่นไหว ก๊าซและควันพวยพุ่ง การปรากฎของแมกมาหรือหินหนืด 

แผ่นดินไหวที่มาพร้อมกับการปล่อยก๊าซนั่น เป็นสัญญาณเตือนว่าภูเขาไฟกำลังจะปะทุ แมกมาหรือหินหนืดที่หลอมเหลวอยู่บริเวณใต้ผิวโลก กำลังนำความร้อนจากเปลือกโลกขึ้นสู่พื้นผิว หรือในทางกลับกันแมกมาที่เป็นหินร้อนหลอมเหลวนี้มีการเคลื่อนไปตามแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่อ่อนไหวจนทำให้เกิดแผ่นดินไหว มีแรงดันก๊าซพลังมหาศาลก่อตัวขึ้นภายในภูเขาไฟใต้พื้นผิวโลก และหากความรุนแรงเพิ่มทวีแมกมาจะปะทุเป็นลาวาออกมานอกเปลือกโลก

จากปรากฎการณ์ดังกล่าวนับเป็นสัญญาณเตือนที่มีเวลาเพียงพอให้เตรียมตัวป้องกันและการอพยพเคลื่อนย้าย

ท่านคิดว่าสัญญาณเตือนภัยจากธรรมชาติข้างต้น เราสามารถใช้เทคโนโลยีอวกาศที่เป็นเสมือนดวงตา คอยเฝ้าระวังทุกอาณาบริเวณของผืนแผ่นดิน บนผิวโลกร่วมกับ Machine Learning สร้างการวิเคราะห์แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ผสานกับสัญชาตญาณให้กลายเป็นรูปแบบการแจ้งเหตุภัยพิบัติจากธรรมชาติ ที่หลากหลายได้มากน้อยแค่ไหนครับ GISTDA อยากชวนให้เราลองมาคิดนอกกรอบและร่วมเสนอแนวคิดกันครับ

 

แหล่งอ้างอิง:

Paul G. (2019). 20 Signs That a Natural Disaster Is About To Strike. ค้นวันที่ 22 มิถุนายน 2566. สืบค้นจาก https://www.travelcaribou.com/20-warning-signs-from...

Tnews. (2562). ทิลลี สมิธ เด็กหญิงผู้ช่วยคนกว่า 100 ชีวิต จากเหตุสึนามิเมื่อปี 2004. ค้นวันที่ 24 มิถุนายน 2566. สืบค้นจาก https://www.tnews.co.th/social/505074

Tom Marlowe. (2022). 13 Early Warning Signs of Natural Disasters. ค้นวันที่ 24 มิถุนายน 2566. สืบค้นจาก https://www.survivalsullivan.com/early-warning-signs-of.../